26
Jul

ลดข้อขัดแย้งในการก่อสร้างหรือตกแต่งภายในด้วย BOQ

เป็นเรื่องที่เห็นกันอยู่บ่อยครั้งในเรื่องของการทิ้งงานของผู้รับเหมา  เจ้าของไม่จ่ายเงินให้ช่างด้วยหลายๆเหตุผล

และ”มีปัญหาเข้าใจไม่ตรงกัน จนทะเลาะกันทำให้งานไม่จบ   ซึ่งเป็นพราะ การตกลงกันในเบื้องต้นนั้นไม่ชัดเจนคลุมเครือ

เช่นอาจจะตกลงกันเป็นแบบเหมารวมที่เรียกว่า ล่ำซัม ไม่มีรายละเอียด ไม่มีแบบอะไร  นานๆไปก็ลืมหรือเข้าใจไม่ตรงกัน

การทำสัญญาและมีรายละเอียดที่เป็นข้อตกลงร่วมกันนั้นเป็นสิ่งที่จะลดปัญหาและลดความขัดแย้งดังกล่าวลงได้ครับ

รายละเอียดที่แนบเป็นส่วนหนึ่งของสัญญามีดังนี้

 

หนึ่ง ให้ทำใบแสดงปริมาณงาน ราคาหรือที่เรียกกันว่า BOQ

Bill of Quantities ซึ่งเป็นรายการแสดงปริมาณงาน ราคาวัสดุ ค่าแรง ที่ผู้รับเหมาทำเพื่อเสนอราคา

จะมีการแยกรายการออกมาเป็นหมวดๆ เช่น หมวดงานฝ้าเพดาน หมวดงานผนัง หมวดงานพื้น หมวดงานตู้บิ้วอิน

หมวดงานประตู เป็นต้น เขียนให้ละเอียดครบทุกรายการว่า แต่ละงาน ตู้ชุดนั้นชุดนี้ราคาชุดละเท่าไร   ผนังตกแต่ง

งานฝ้า งานทาสี งานปูกระเบื้องที่พื้นกี่ตารางเมตรๆละเท่าไร  บัวพื้นบัวฝ้ากี่เมตรๆละเท่าไร  ไฟคิดค่าโคมเท่าไร

ค่าติดตั้งค่าเดินสายไฟจุดละเท่าไร

ในงานก่อสร้างอาจระบุกันเป็นโดยแยกเป็นค่าของ ค่าแรง แต่ในงานบิวท์อินนั้นงานตู้แต่ละใบไม่มีการแยกค่าของค่าแรงกันครับ

อย่าเหมารวมที่เรียกว่า ล่ำซัม นะครับ เพราะจะมาถกเถียงกันภายหลังว่า รวมหรือไม่รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายครับ

เพราะอาจคิดไม่ตรงกันหรือลืมไปในภายหลัง   และเป็นวิธีคิดเงินสำหรับงานเพิ่มและงานลดในภายหลัง

ที่สามารถเอาราคาเดิมมาอ้างอิงในการบวกลบค่าใช้จ่ายได้ง่ายครับ

ในงานที่มีมูลค่ามากต้องการหาช่างหลายๆชุดมาเสนอราคาเปรียบเทียบกัน  ผู้ออกแบบจะทำราคากลางและมีตารางBOQ

ให้ช่างแต่ละชุดไปกรอก จะทำให้เราเปรียบเทียบกันได้ง่ายขึ้นว่าแต่ละชุดราคาถูกหรือแพงเพราะรายการไหน

สอง ตกลงการเบิกเงินแต่ละงวดให้ชัดเจนครับ  ส่วนใหญ่จะเบิกกันตามความคืบหน้าว่าทำงานได้กี่เปอร์เซนต์แล้วจะเบิกกันเท่าไร

การประเมินเปอร์เซ็นต์ก็คาดการณ์กันไปครับ ว่าได้ตามเปอร์เซ็นต์หรือไม่  ถ้าให้ดีก็ควรแจกแจงให้ละเอียดขึ้นว่างานแต่ละส่วน

จะมีความคืบหน้าแบบที่พอจับต้องดูด้วยตาได้ครับ ยิ่งแจกแจงละเอียดยิ่งดีครับ  จะได้ลดความขัดแย้งลง

ในกรณีที่เจ้าของบ้านมีการจ้างผู้ออกแบบหรือผู้ควบคุมงานนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาครับ พวกเค้าช่วยดูให้ครับ

 

สาม งวดแรกเป็นการเบิกเงินเพื่อทำงานล่วงหน้าครับ

ไม่ควรให้เกิน10-15%ครับ  บางท่านให้ADVANCE 30%  มันเป็นตัวเลขที่ผู้รับเหมาได้กำไรโดยที่ยังทำอะไร

หรือยังลงทุนอะไรไปไม่มาก โอกาสหนีงานมีสูงครับ  ในส่วนของงวดสุดท้าย เรากันเอาไว้เผื่อตรวจงานแก้งานครับสัก 10-15%