8 เรื่องที่ต้องคำนึงถึง ในการเลือกตู้เสื้อผ้า
ในปัจจุบัน“เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน” จัดอยู่ในกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการออกแบบตกแต่งภายใน การให้ความสำคัญกับการออกแบบตู้เสื้อผ้านั้นย่อมจำเป็นกว่าสิ่งใด ซึ่งข้อได้เปรียบของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน นอกจากออกแบบได้ตรงตามความต้องการแล้ว เรายังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ขนาดใช้สอยและรูปแบบการใช้งานได้อย่างลงตัว อีกทั้งทำให้การจัดเก็บเสื้อผ้าดูเป็นสัดส่วนได้มากกว่าตู้เสื้อผ้าธรรมดาทั่วไป ให้เราสนุกสนานได้เหมือนกับตู้เสื้อผ้าที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะคุณ
1. ประโยชน์ใช้สอยครบถ้วน
ตู้เสื้อผ้าที่ดีต้องมีประโยชนใช้สอยที่สอดคล้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน สอดคล้องกับ LIFE STYLE ของคนรุ่นใหม่ ที่นอกเหนือจากแขวนเสื้อและกางเกงธรรมดาแล้ว ยังต้องมีที่สำหรับแขวนชุดยาว แขวนเข็มขัด เนคไท เครื่องประดับ ไปจนถึงการจัดเก็บสิ่งของต่างๆ เช่น กระเป๋าเดินทาง เครื่องนอน รองเท้า กระเป๋าสะพายขนาดต่างๆ ตลอดจนเป็นที่วางตู้เซฟ เก็บของมีค่า หรือตู้เย็นขนาดเล็กเพื่อเก็บเครื่องสำอาง เป็นต้น
2.ใช้งานได้เต็มพื้นที่
พื้นที่ใช้สอยมีค่อนข้างจำกัด ข้อดีของการทำเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินที่โดดเด่นกว่าการซื้อแบบสำเร็จก็คือ การทำให้ชนฝ้าเพดานและเต็มพื้นที่นั้นๆ สิ่งที่ได้รับคือใช้ประโยชน์ไดเต็มพื้นที่ ไม่มีพื้นที่เก็บฝุ่นที่หลังตู้ด้านบน
3.ต้องมีความแข็งแรง ทนทาน ใช้วัสดุชั้นดี
วัสดุที่นำมาผลิตเป็นตู้แบบสำเร็จรูป หรือเป็นแบบเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินของแบรนด์ที่ขายเฟอร์นิเจอร์ดังๆ มักใช้ไม้ปาติเคิลบอร์ดกรุผิวเมลามีน มาเป็นวัสดุหลัก ไม้ปาติเคิลบอร์ดผลิตจากเศษไม้ยางพาราขนาดที่ไม่เท่ากัน ผลก็คือจะมีช่องว่างระหว่างเศษไม้ที่ทำให้เสียความแข็งแรงไป แต่จะมีข้อดีคือผลิตและติดตั้งง่าย ลดต้นทุน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินที่ดีต้องผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแรง อย่างเช่น แผ่นMDF หนา 20mm หรือต้องการกันปลวกก็ต้องใช้แผ่น Plas woodหนา 20mm เป็นต้น ส่วนไม้อัดกรุโครงไม้เนื้อแข็งนั้น ก็ต้องเลือกโครงที่เป็นไม้เนื้อแข็งจริงๆ ไม่ใช่ไม้เนื้ออ่อนที่นิยมใช้กัน
4.อุปกรณ์ประกอบ( FITTING ) ต้องของดีมีคุณภาพ
เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินต้องประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น บานพับสำหรับบานตู้ รางเลื่อนสำหรับลิ้นชัก รางเลื่อนสำหรับประตูบานเลื่อน ราวแขวนผ้า มือจับบานตู้ ปุ่มรับชั้นสำหรับชั้นวางของ เป็นต้น ก็เหมือนกับสินค้าอื่นๆทั่วไป ที่มีความหลากหลายของสินค้าและราคา แน่นอนคุณภาพดี แบรนด์ดัง ราคาย่อมสูงตามไปด้วย หากเรามีความรู้บ้าง เลือกใช้ฟิตติ้งจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ก็จะมั่นใจในเรื่องคุณภาพไปอีกขั้นหนึ่ง บางครั้งแบรนด์ดังๆที่เรารู้จักก็มีสินค้าหลายเกรด หลายราคา ชื่อเสียงของแบรนด์ก็ไม่ได้รับประกันคุณภาพเสมอไป
5.การออกแบบต้องได้ประโยชน์ใช้สอยและได้ความสวยงาม
การผลิตเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินนั้น ต้องประกอบไปด้วยมัณฑนากร( ดีไซน์เนอร์) ช่างไม้และช่างสี งานที่ซับซ้อนขึ้น ประเภทของช่างก็จะมากขึ้นตามไปด้วย เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างกระจก ฯลฯ คงเป็นเรื่องง่ายที่จะให้ช่างออกแบบให้ด้วย ทำไปด้วย แต่เป็นเรื่องยากที่งานที่เสียเงินไปเยอะจะให้ผลงานออกมาสวยงามและถูกใจ เพราะช่างก็ถนัดเลื่อยไม้ ส่วนงานออกแบบ มัณฑนากรก็ต้องใช้เวลาเรียน 4 ปี ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินของแบรนด์ดังก็จะเป็นทางออกที่ดี เพราะมีบริการออกแบบที่ฟรี แต่ก็ต้องทำใจ เพราะต้องใช้ตามรูปแบบสำเร็จรูปของกระบวนการผลิตที่โรงงาน ลูกค้าจะไปปรับเปลี่ยนมากๆ หรือให้สูงตามขนาดของเรา หักหลบขอบเสาบ้านก็ทำไม่ได้ ขาดความยืดหยุ่นในการออกแบบและผลิต
6.ต้องมีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าการแขวนเสื้อผ้า
ตู้เสื้อผ้าแบบเดิมๆที่เราคุ้นกัน ก็มีเพียงราวแขวนผ้ากับลิ้นชัก การใช้งานก็ถูกจำกัดการใช้งาน จะแขวนชุดยาวก็มีแต่ราวสั้นๆ ลิ้นชักก็มีขนาดที่เราต้องหาทางใช้งานให้เข้ากับสภาพที่ถูกกำหนดไว้ หากเรามีตู้เสื้อผ้าที่ผ่านการออกแบบอย่างละเอียด เข้าใจผู้บริโภคถึงวิถีชีวิตแบบสมัยใหม่ เราก็จะได้ตู้เสื้อผ้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ เหมาะกับการใช้งาน เช่น มีการจัดการแขวนเสื้อผ้าให้เป็นหมวดหมู่ แบ่งการแขวนตามประเภทของเสื้อผ้าและการใช้งาน มีราวแขวนกางเกงโดยเฉพาะ ลิ้นชักถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสม เก็บชุดชั้นใน ยกทรง เนคไท เข็มขัด ให้หาง่ายและประหยัดพื้นที่ มีไฟฟ้าส่องสว่าง มีที่เก็บกระเป๋าขนาดต่างๆ ช่องเก็บเครื่องประดับ ช่องลับเก็บของมีค่า ที่วางตู้เซฟ
7.การผลิตและการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน
การผลิตและติดตั้งเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินของผู้ผลิตแบรนด์ดังๆ จะใช้การผลิตแบบขนาดมาตราฐาน แล้วนำมาประกอบแบบ knock down ข้อดีคือติดตั้งให้เสร็จเร็ว แต่ข้อเสียก็คือคุณภาพของวัสดุและไม่ยืดหยุ่นต่อลูกค้าแต่ละคน ส่วนการผลิตและติดตั้งแบบช่างไม้ ข้อดีคือมีความยืดหยุ่นต่อสถานที่ ทำได้หมดถ้าลูกค้าต้องการ แต่ข้อเสียคือ ช่างจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นนาน ตั้งเลื่อยทำงานเสมือนบ้านลูกค้าคือโรงงาน ฝุ่นเยอะ ความเสียหายต่อสถานที่มีแน่นอน จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของช่าง
8.การรับประกันผลงาน
คงเป็นการยากมากถ้าจะขอให้ผู้ผลิตรับประกันผลงาน เพราะแบรนด์ดังก็ไม่กล้ารับประกันสินค้า เนื่องจากไม่มั่นใจคุณภาพสินค้า หรือจากช่างไม้ ผู้รับเหมา เพราะการรับประกันผลงานวันสุดท้ายของพวกเขาก็คือ วันที่ได้รับเงินงวดสุดท้ายนั่นเอง ยกเว้นว่าได้ช่างที่ดี มีความรับผิดชอบ มีหลักแหล่งที่ติดต่อได้